โดยคณาจารย์แพทย์ พยาบาลที่มีความรู้และประสบการณ์ทำงานในโรงพยาบาลที่พร้อมถ่ายทอดความรู้และทักษะที่สำคัญต่างๆ ที่ต้องใช้สำหรับการทำงานในโรงพยาบาลหรือคลีนิคต่างๆ เช่นคลีนิคเสริมความงาม คลีนิคทันตกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมให้ท่านก้าวสู่วิชาชีพด้านการแพทย์และการพยาบาลด้วยความมั่นใจ
“บริบาล” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ดูแลรักษา ดูแลเลี้ยงดู ซึ่งผู้เรียนบริบาลเนี่ยจะต้องดูแลทั้งเด็กเล็ก คนชรา รวมไปถึงผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องใกล้ชิดตามแต่ผู้เรียนบริบาลแต่ละคนจะเลือกเรียนค่ะ การดูแลบุคคลเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกหลักเพื่อลดอัตราความเสี่ยง รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลเหล่านี้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้การเรียนบริบาลจึงมีความสำคัญมากๆ
ในยุคปัจจุบันนี้เรื่องการวางแผนครอบครัวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไปสู่ครอบครัวที่สมบูรณ์ในอนาคต
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันตัวเลขผู้สูงอายุมากถึง 14 ล้านคน ทำให้ ในช่วง 3ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับผู้สูงอายุมีการเติบโต และมีให้เห็นมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจการให้บริการที่พักหรือเนิร์สซิ่งโฮม มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 1-2 ปีนี้
คำแนะนำหนึ่งในแง่การดูแลสุขภาพที่แพทย์มักให้คำปรึกษากันคือ ‘ให้ไปออกกำลังกาย’ ซึ่งแม้จะเป็นประโยคที่พูดได้ง่าย แต่ปฏิบัติจริงกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดจำเพาะต่างๆแตกต่างจากคนทั่วไป หมอจะพาไปดูกันว่าจริงๆแล้วในทางการแพทย์ การออกกำลังกายแบบใดที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมากที่สุด
สมองเสื่อม เป็นภาวะที่สมรรถภาพการทำงานของสมองถดถอยบกพร่องในด้านการรู้คิด ได้แก่ ความจำ การตัดสินใจ การวางแผน และบริหารจัดการ การรับรู้รูปทรง และการกะระยะ การใช้ภาษา สมาธิ หรือ ความใส่ใจ ความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับสังคมรอบตัว โดยมีผลกระทบต่อความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันและการเข้าสังคม แต่ต้องไม่มีภาวะเพ้อ โรคซึมเศร้า โรคทางจิตเวชเรื้อรัง หรือ วิตกกังวลรุนแรงขณะวินิจฉัย ซึ่งการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมอาศัยข้อมูลจากประวัติทั้งจากผู้ป่วยและญาติที่อยู่ใกล้ชิดรู้จักผู้ป่วยเป็นอย่างดี การตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจร่างกายทางระบบประสาท การตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมไปถึงการตรวจทางประสาทจิตวิทยา
หลักสูตรของการเรียนบริบาลมีตั้งแต่ประมาณ 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตร การเรียนระยะสั้น เรียนจบแล้วจะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการและสามารถทำงานบริบาลได้เลย เรียนไม่นานแถมทำงานได้เลยแบบนี้จะไม่ดีได้ไง
การเรียนบริบาลสามารถสมัครได้ไม่จำกัดเพศหญิงหรือชาย เพียงแต่ต้องอายุ 18 - 35 ปี ส่วนวุฒิการศึกษานั้นสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ม.3 หรือเทียบเท่า ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งขอแค่ตั้งใจเรียนก็สมัครได้เลย และยังมีตัวช่วยให้ทำงานไปเรียนไปด้วยได้มากมาย
เนื่องจากเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมีเพิ่มมากขึ้นทุกปีอยู่แล้ว จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่า การเรียนบริบาลเป็นความต้องการของตลาดจบมามีงานทำแน่นอน
100 เปอร์เซนต์ ความต้องการเยอะขนาดนี้เรียนบริบาลจบหลักสูตรมาเนื้อหอมแน่นอน
เรียนบริบาลจบแล้วสามารถบรรจุเข้าได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั่วประเทศ ทั้งสายงานผู้ช่วยพยาบาลโดยตรง และอื่นๆ เช่นผู้ช่วยคลินิกความงาม ผู้ช่วยทันตกรรม หรือว่าจะรับงานดูแลผู้ป่วยตามบ้านก็ได้การันตีรายได้อย่างน้อย 12,000-20,000บาทต่อเดือนเลยนะ
นอกจากประเทศไทยแล้วทุกประเทศทั่วโลกนั้นต้องการคนทำงานดูแลเหมือนกัน โดยเฉพาะประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไวกว่าประเทศอื่นอย่างญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร อเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลียและสเปน ใครที่กำลังมองหางานดีๆในประเทศเหล่านี้อยู่ การเรียนบริบาลก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ