‘นักกำหนดอาหาร’อาชีพที่กำหนดการกินแก่ผู้คน

สมัยนี้ใครๆ ก็ใส่ใจเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ แต่ถ้าใครใส่ใจแบบหวังผลลัพธ์ไวทันตาเห็นมากจนเกินไป ก็อาจตกเป็น ‘เหยื่อ’ ได้โดยไม่รู้ตัว

8/2/2023

โดยเฉพาะการอยากเป็นเจ้าของสุขภาพดีโดยอาศัยทางลัด อย่างการอดอาหาร กินแต่อาหารเสริม หรือพึ่งพา Health Coach ที่ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านโภชนาการโดยตรง แต่อาจจะเคยเรียนคอร์สโภชนาการมาบ้าง จึงพอจะมีองค์ความรู้ในศาสตร์อาหารและสุขภาพมากพอที่จะโน้มน้าวใจผู้คน แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือ การแอบอ้างตัวเองเป็น ‘นักกำหนดอาหาร (Dietitian)’ ทั้งที่อาชีพนี้ต้องเรียนหนักและต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะ ไม่ต่างจากแพทย์คนหนึ่ง เพราะนักกำหนดอาหาร คือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารบำบัดโรค ที่เรียกว่า โภชนบำบัด

ดังนั้น จึงถือเป็นข่าวดีที่ผู้คนในแวดวงนักกำหนดอาหารรอมานาน เมื่อมีการออก พระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการกำหนดอาหารเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการด้านโภชนาการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย

ทั้งนี้ เพราะนักกำหนดอาหารถือเป็นวิชาชีพเฉพาะ โดยผู้ที่สามารถเป็นนักกำหนดอาหารได้ต้องเรียนจบด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารมาโดยตรง และต้องผ่านการสอบขึ้นทะเบียนนักกำหนดอาหารวิชาชีพ (CDT – Certified Dietitian of Thailand)

ปัจจุบันในประเทศไทยมีหลายสถาบันที่ผลิตบุคลากรนักกำหนดอาหาร เช่น คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา ฯลฯ

"พูดง่ายๆ ว่า ถ้าเอกสิทธิ์ของแพทย์คือการเขียนใบสั่งยา นักกำหนดอาหารก็มีประกาศิตในการเขียนใบสั่งอาหารเพื่อกำหนดอาหารให้ผู้ป่วยรับประทานในแต่ละมื้อเช่นกัน"

นักโภชนาการและนักกำหนดอาหารแตกต่างกันอย่างไร?

ส่วนอีกเกณฑ์ที่จะวัดความแตกต่างระหว่างนักโภชนาการและนักกำหนดอาหารออกจากกันได้ ก็คือ หน้าที่ในการกำหนด ‘อาหารที่ให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาล’ ด้วยความที่อาหารที่ให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อาหารปกติ ซึ่งเป็นอาหารธรรมดาสำหรับผู้ป่วยทั่วไป จึงไม่ต้องมีการกำหนดอาหาร ทำให้นักโภชนาการสามารถออกแบบอาหารประเภทนี้ได้ กับอีกประเภท คือ อาหารเฉพาะโรค ซึ่งเป็นอาหารที่มีการกำหนดหรือดัดแปลงให้เป็นไปตามแผนการรักษา และเพื่อให้เหมาะสมกับโรคและภาวะทางโภชนาการ เช่น อาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น ซึ่งอาหารเฉพาะโรคนี่เองที่อยู่ในความรับผิดชอบของนักกำหนดอาหาร และด้วยความที่เป็นอาหารที่ต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทำให้มีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการกำหนดอาหารเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการด้านโภชนาการที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย

ดังนั้น ผลลัพธ์ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จึงส่งผลให้ผู้ที่ได้รับปริญญา หรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาสาขาการกำหนดอาหาร หากจะปฏิบัติงานด้านการกำหนดอาหารต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการกำหนดอาหารจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือ สบส. เสียก่อน

ส่งผลให้โภชนากร นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร ที่เคยทำงานเกี่ยวกับการให้บริการอาหารผู้ป่วยทั้งอาหารปกติและอาหารเฉพาะโรคในปัจจุบัน ต่อไปจะทำได้เฉพาะอาหารปกติเท่านั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักกำหนดอาหารจะต้องขวนขวายหาทางเป็น ‘นักกำหนดอาหารจดทะเบียน (Registered Dietitian) ด้วยการ สอบขึ้นทะเบียนนักกำหนดอาหารวิชาชีพ (CDT – Certified Dietitian of Thailand) โดยทางสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทยจะมีการจัดสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นประจำทุกปี