หน้าหนาว หรือ ฤดูหนาว เป็นช่วงของเวลาที่อากาศจะเย็นลงจากเดิม และในบางพื้นที่อาจจะเย็นลงโดยเฉียบพลัน ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกาย ของเราต้องปรับอย่างรวดเร็ว เพื่อรับกับอุณหภูมิภายนอก จากสภาวะอากาศแบบนี้ ทำให้เกิดโรคได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กวัยกำลัง ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีอาการป่วย หรือสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงมาอยู่แล้ว ซึ่งคนในกลุ่มเหล่านี้ ต้องระมัดระวัง 6 โรคที่มากับหน้าหนาว คือ ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่, ปอดบวม, โรคหัด,โรคหัดเยอรมัน, อุจจาระร่วง และไข้อีสุกใส เราจึงควรศึกษาเรื่องของอาการ และการรักษาไว้เพื่อเป็นการป้องกัน ก่อนที่จะเกิดกับคนใกล้ชิด หรือแม้แต่ตัวเราเอง
เกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน และมีความรุนแรงแตกต่างกัน โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ส่วนไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดจากการเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น rhinovirus, adenovirus เป็นต้น โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
เป็นโรคติดต่อสามารถระบาดในผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนและพบได้มากกับเด็กเล็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีลักษณะเด่นคือ มีจุดเทาขาวในปาก และผื่นสีน้ำตาลแดงไล่จากหัวและคอลงมาที่ตัว มักจะหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วันโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มเติม แต่ในบางครั้งมีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเช่น ปอดบวมและไข้สมองอักเสบสามารถอันตรายถึงชีวิตได้
อุจจาระร่วง (Diarrhoeal Diseases) คือภาวะที่ทำให้คนเราเกิดการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำอย่างผิดปกติตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 1 วัน หรือมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นมูก หรือเลือดแม้เพียงครั้งเดียว โดยโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต โปรโตซัว หรือพยาธิในลำไส้ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร และน้ำดื่มที่ไม่สะอาด รวมถึงการไม่ล้างมือก่อนการรับประทานอาหาร และการใส่อาหารในภาชนะที่ไม่สะอาดอีกด้วย
โรคปอดบวมคือภาวะติดเชื้อในปอด ซึ่งอาจจะเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ทั้งนี้ เนื่องจากในถุงลมปอดอาจมีของเหลวหรือหนองคั่งสะสม มีเสมหะสีเขียวเหลือง มีไข้หนาวสั่น และหายใจลำบากร่วมด้วย
หัดเยอรมัน, เหือด หรือ หัดสามวัน (German measles/เจอร์มันมีเซิลส์, Rubella/รูเบลลา หรือ Three-day measles/ทรีเดย์มีเซิลส์) เป็นโรคไข้ออกผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่จะมีความรุนแรงและโรคแทรกซ้อนน้อยกว่าหัด โรคนี้ไม่ใช่โรคร้ายแรง ถ้าเป็นกับเด็กหรือผู้ใหญ่ทั่วไป มักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง แต่ถ้าเกิดในหญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าทารกในครรภ์ ทำให้ทารกพิการ แท้ง หรือตายในครรภ์ได้ และโรคนี้เมื่อเป็นแล้วผู้ป่วยมักจะมีภูมิคุ้มกันไปจนตลอดชีวิต จะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
อาการของโรคอีสุกอีใสจะเริ่มจากผื่นคันและจะมีอาการอยู่ประมาณ 10-21 วันหลังจากผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัส หลังจากนั้นจะเกิดผื่นพุพองที่จะแสดงอาการอยู่ประมาณ 5-10 วัน อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นก่อนการเกิดผื่น ได้แก่ ไข้ เบื่ออาหาร ปวดศรีษะ